Voice in the Gentle Wind

ตุลาคม 15, 2007

BEA ปฏิเสธความพยายามเข้าซื้อกิจการจาก Oracle

Filed under: java — deans4j @ 1:38 am

BEA ปฏิเสธความพยายามของ Oracle เจ้าพ่อจอมใช้เงินตบเด็กเข้ารังที่เสนอซื้อด้วยราคาต่อหุ้น $17 สูงกว่าราคาจริงในตลาดถึง 25%BEA เป็นบริษัท middleware คู่แข่งที่มีผลิตภัณฑ์ดีที่สุดในตลาดก็ว่าได้แต่ด้วยการตลาดที่แย่ทำให้ไม่โด่งดังเทียบเท่า Oracle และ IBM การปฏิเสธครั้งนี้ BEA ให้เหตผลว่าราคาที่ Oracle นั้นยังน้อยเกินไปเมื่อเทียบกับคุณค่าผลิตภัฒฑ์ของ BEA จริงๆ จากการไล่ตบเด็กมาตลอดหลายปีหลัง รวมกับการเข้าซื้อครั้งนี้สำเร็จลง Oracle จะมีผลิตภัณฑ์ที่ซ้ำซ้อนตลาดของตัวเองเต็มไปหมด

ที่มา – CNN

22 ความเห็น »

  1. “เป็น​บริษัท​ middleware ​คู่​แข่งที่มีผลิตภัณฑ์ดีที่สุด​ใน​ตลาดก็ว่า​ได้​” ประเด็นนี้เห็นด้วยครับ
    BEA นิ่ง + performance ดีที่สุด

    ความเห็น โดย kim — ตุลาคม 15, 2007 @ 5:13 am

  2. “เป็น​บริษัท​ middleware ​คู่​แข่งที่มีผลิตภัณฑ์ดีที่สุด​ใน​ตลาดก็ว่า​ได้​” … ฟังดูค่อนข้าง subjective นะครับ
    (อ่านแล้ว ทำให้รู้สึกว่า ไม่ค่อยเป็นกลางเท่าไหร่ นี่ถ้าโพสต์ในเว็บบอร์ด อาจจะมียกพวกตีกันได้ … ถึงแม้ว่าข้อความนี้อาจจะจริงก็ได้)

    BEA เอง ก็ไล่ซื้อชาวบ้านมาแต่ไหนแต่ไรแล้วเหมือนกัน (ดูเหมือน การซื้อ WebLogic จะเป็นการซื้อที่คุ้มค่ามากๆ)
    ปีที่ผ่านมานี้ ก็ซื้อ product มาเข้า suite ของ AquaLogic หลายตัวเหมือนกัน

    อาทิตย์ก่อน เพิ่งอ่านข่าวว่า SAP เองก็มีความคิดที่จะซื้อกิจการ product อื่นๆ เหมือนกัน โดยมี Cognos, Informatika และ BEA อยู่ในลิสต์อันดับต้นๆ

    ช่วงสามปีมานี้ BEA เนื้อหอมมาก (มีคนลุ้นให้โดนซื้อเยอะ) เพราะมี product suite ที่ค่อนข้างมีจุดขายดี และยังมี feedback ที่ค่อนข้างดีจากผู้ใช้เยอะ
    จริงๆ แล้ว ก็น่าลุ้นให้ ใครซักคนที่มีแรงดันดีๆ มาดันให้รุ่งกว่านี้เหมือนกัน

    คิดไปคิดมา … ให้ Oracle ซื้อ BEA .. ให้ IBM ซื้อ Sun
    แล้วมา่ซัดกันซักตั้ง … ก็น่าจะมันส์เหมือนกันนะ 😛

    ความเห็น โดย siroz — ตุลาคม 15, 2007 @ 6:03 pm

  3. ผมพอทราบมาจากคนรู้จักน่ะ ว่าคุณ siroz เป็น guru WebLogic อันดับต้น ๆ เลย
    ส่วนตัวผมเองต้องเลี้ยงปากท้องด้วย Oracle ครับ แต่ก็ยอมรับเรื่อง BEA ว่าดีจริง ๆ
    อย่างที่คุณ dean4j ว่าไว้ “ด้วย​การตลาดที่​แย่ทำ​ให้​ไม่​โด่งดังเทียบ​เท่า​ Oracle ​และ​ IBM”
    เหมือนอย่างที่ INGRES ที่เป็น DB ที่ทุกคนยอมรับว่าดีที่สุด แต่ก็ต้องพ่ายไปด้วย marketing อ่อน
    ใจผมเชียร์ deal นี้นะครับ, และเชื่อว่าในที่สุด BEA เสร็จ Oracle แน่
    ถ้า deal นี้ปิดจริง, ผมคงมีโอกาสได้ join งานกับคุณ siroz ก็เป็นได้

    ความเห็น โดย kim — ตุลาคม 15, 2007 @ 6:55 pm

  4. คุณ deans4j ตอนโพสต์ใน wordpress ลองดูด้านขวาสิ
    มันจะมีให้เซต “slug” ได้
    url จะได้สวย ๆ ไม่เป็น escaped code เต็มไปหมด 🙂

    (ผมเอาข่าวนี้ไปโพสต์ใน duocore นะ
    http://duocore.tv/story.php?id=1197 )

    ความเห็น โดย bact' — ตุลาคม 15, 2007 @ 10:53 pm

  5. @kim, siroz : สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับ Oracle กับ IBM คือความจริงใจในการ open source งานของตัวเองหรือสิ่งที่เกี่ยวข้อง แผน vendor lock-in แฝงเต็มไปหมดเลย ไม่รู้นะ ผมอาจจะคิดไปเองก็ได้

    @bact’ : แหะๆ 😛 ประมาณว่าขี้เกียจเลยไม่ได้ทำ 🙂

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 15, 2007 @ 11:15 pm

  6. bact’ : เขียนใน duocore ละเอียดกว่าที่ผมเขียนอีก มาให้เครดิตผม รู้สึกผิดเลย -*- ส่วนตัวข่าวนี้ถือว่าไกลตัวผมไปหน่อย เพราะไม่ได้ใช้ผลิตภัณฑ์ของทั้งคู่อย่างจริงจัง

    ถ้าโฟกัสเฉพาะ app server ในตลาดตอนนี้ที่ร้อนแรงไต่อันดับอยู่คือ Glassfish V.2 ที่เพิ่งออกไปไม่นานมานี้ แม้จะมีฟีเจอร์เทพๆ เป็นเอกลักษณ์น้อยอยู่ก็ตาม แต่ด้วยความเร็ว startup time ที่ดีใกล้เคียง Tomcat UI web admin ที่เหมาะกับคนไม่ชอบ command line + v2 ที่ทำ clustering ได้แล้ว กระแสเลยเริ่มมาแล้ว แม้ผลิตภัณฑ์ตัวอื่นๆ ใน stack ยังเล็กกว่าของ IBM,BEA,Oracle หรือแม้แต่ JBoss อยู่เยอะก็ตาม

    ต่อไปในอนาคตระบบ Module กำลังจะมา Glassfish v3 จะใช้ Maven 2 ในการจัดการ library แบบไดนามิก ส่งผลให้ตัว bootstrap มีขนาดเหลือเพียง 100k และใช้เวลา 0.9 วินาทีในการ startup เท่านั้น เวลา module ใดๆ ถูกเพิ่ม/ถอนออกมันจะ ไดนามิกเพิ่ม/ถอน dependency ตามต้องการเอง

    คาดว่า JBoss, IBM ก็กำลังพัฒนาระบบ module ของตัวเองเหมือนกัน แต่ไปเลือกใช้มาตรฐาน OSGi แทน

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 16, 2007 @ 12:43 am

  7. “สิ่งหนึ่งที่ผมไม่ชอบเกี่ยวกับ Oracle กับ IBM คือความจริงใจในการ open source งานของตัวเองหรือสิ่งที่เกี่ยวข้อง แผน vendor lock-in แฝงเต็มไปหมดเลย”

    ไม่คิดไปเองหรอกครับ, บางครั้ง business กับ ethic ก็ไปด้วยกันลำบากครับ

    ความเห็น โดย kim — ตุลาคม 16, 2007 @ 12:47 am

  8. คนรู้จัก ของคุณ kim คงจะจำคนผิด หรือไม่ก็เข้าใจอะไรผิดแ้ล้วล่ะครับ
    (ถ้าผมเป็นอันดับต้นๆ .. น่าจะเป็นอันดับต้นๆ ในซอยมากกว่า .. เพราะซอยที่ผมอยู่ น่าจะมีคนทำงานคอมพิวเตอร์ ไม่กี่คน)
    อาจจะเป็นว่า รู้ว่า ผม “เคย” จับ WebLogic ตั้งแต่สมัยโบราณ (สมัย config ยังต้องทำใน property file … สมัยนั้นยังไม่ค่อยใช้ XML กันเลย .. Servlet ยังไม่มี web.xml ยังไม่มี war file) เลยเข้าใจไปว่าผมจับมานานน่าจะเก่ง หรือรู้เยอะ
    จริงๆ แล้ว ผมไม่ได้จับมันมาตลอดครับ .. ตอนนี้ตามไม่ทันแล้ว (โชคดีว่า version หลังๆ admin console ทำมาค่อนข้างดี ไม่ต้องรู้อะไรมาก ก็พอทำงานได้ .. ก็เลยยังพอกล้อมแกล้มทำงานได้อยู่)

    จริงๆ แล้ว BEA ก็ไม่ได้มีอาการย่ำแย่แต่อย่างใดนะครับ .. ในตลาด Java middleware ในปีหลังๆ มานี้ ก็ได้ revenue เป็นอันดับสองมาตลอด รองจาก IBM และนำหน้า Oracle ที่อยู่อันดับ 3 (ถึงแม้ว่า Oracle จะไล่ตามมาหายใจรดต้นคอแล้วก็ตาม)
    ดังนั้น จะบอกว่าสู้ Oracle หรือ IBM ไม่ได้(เลย) อาจจะไม่เชิง .. แต่เป็นว่า “สู้ได้สูสี เฉพาะตลาด Java middleware” (แต่ผมว่าตลาดบ้านเรา ขาย WebLogic ได้เยอะนะ ได้ยินมาว่า ใน zone เอเชีย ขายได้ทะลุเป้าด้วย)

    ประเด็นของ BEA น่าจะเป็นที่ ขาดความหลากหลายของ product มากกว่า เพราะ BEA นั้นมีแต่ product ที่เป็น middleware (และ product สนับสนุน middleware)
    ส่วนบริษัทอย่าง Oracle หรือ IBM นั้น มี product “อย่างอื่น” มาประกอบด้วย (เช่น DB .. packaged application .. infrastructure .. operation management etc.) น่าจะทำให้ขยับขยายทำอะไรได้สะดวกกว่า และขายเป็น solution ยกชุด ได้ง่ายกว่า
    สองสามปีมานี้ BEA ก็ไล่ซื้อ product (เช่น BPM และ metadata repository) มาเข้าสังกัด เพื่อเสริม SOA suite ของตัวเองเหมือนกัน

    ยังไง deal นี้ เป็น deal ที่หลายคนลุ้นครับ .. ตั้งแต่ก่อน Oracle ซื้อ PeopleSoft ก็ประกาศไว้แล้วว่า Top 3 ที่ สนใจคือ PeopleSoft Siebel และ BEA
    เหลืออยู่แค่หนึ่ง .. หวังว่า จะไม่โดนคนอื่น ปาดหน้า ไปก่อน

    ความเห็น โดย siroz — ตุลาคม 16, 2007 @ 6:28 am

  9. “คนรู้จัก ของคุณ kim คงจะจำคนผิด หรือไม่ก็เข้าใจอะไรผิดแล้วล่ะครับ”
    ไม่ผิดหรอกครับ, เค้าเคยทำงานให้กับคุณและผมมาก่อน
    ออกจะชมคุณให้ผมฟังบ่อย ๆ
    ยินดีที่ได้รู้จักอย่างเป็นทางการครับ

    ความเห็น โดย kim — ตุลาคม 16, 2007 @ 10:00 am

  10. ถล่มตัวกันไปกันมา 😛

    พอจะทราบบริษัทในไทยมีใครใช้ BPM หรือ BPEL อย่างจริงจังบ้างไหมครับ?

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 16, 2007 @ 10:04 am

  11. บ. กูล่ะไม่แน่ๆ :p

    ความเห็น โดย plynoi — ตุลาคม 16, 2007 @ 11:26 am

  12. ถ้าลูกค้าที่ implement อย่างจริงจัง
    ก็จะมีมิตซูครับ
    ทำ BPEL integrate ระหว่าง Oracle, SAP, Domino เชื่อมกับ app ที่ dev ขึ้นมาเอง

    แต่ความเห็นส่วนตัว
    ยังรู้สึกว่าไม่ค่อย success เท่าไหร่ครับ

    ความเห็น โดย kim — ตุลาคม 16, 2007 @ 12:15 pm

  13. รู้มั้ยครับว่าทำพวกนี้ เรื่อง testing, debugging มันสนับสนุนแค่ไหน?

    ส่วนตัวไม่ค่อยเชื่อว่ามันจะดีกว่า code เองเท่าไหร่

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 16, 2007 @ 3:04 pm

  14. ยินดีที่ได้คุยกับคุณ kim เช่นกันครับ (ุถึงแม้ ผมจะยังไม่รู้ว่าคุณ kim และคนรู้จักคนนั้นเป็นใคร)

    ขอให้ข้อมูลเรื่อง BPM เพิ่มอีกนิดนึงครับ (ไม่ให้ข้อมูล เดี๋ยวโดนฟ้อง)
    ถ้านับพวกที่เป็น proprietary product ด้วย .. มีหลายองค์กรใช้ และใช้มานานระยะหนึ่งแล้ว
    เท่าที่ผมทราบมา ก็มีธนาคาร และบริษัททางเทเลคอม หลายที่ ใช้อยู่ครับ
    โดยส่วนใหญ่ จะใช้สำหรับงาน intregration (EAI) กันครับ
    ที่ผมรู้ product ที่มีใช้กัน คือ suite ของ TIBCO (จำไม่ได้แล้วว่าชื่ออะไร ทำงานบน protocol ของ TIBCO Rendevouz) และ WebLogic Integrator
    ได้ยินแว่วๆ มาว่ามีบริษัททางเทเลคอมเจ้าหนึ่ง ใช้ webMethods อยู่ (ก็น่าจะมี BPM เหมือนกัน)

    เรื่อง debugging นี่คงจะไม่มีประเด็นซักเท่าไหร่ เพราะปกติแล้ว ระบบที่ต้อง integrate กันหลายๆ party หรือเป็น distributed application ก็มักจะไม่พึ่งการ debug ทั้งหมดพร้อมกันอยู่แล้ว ก็อาจจะ debug กันเป็นส่วนๆ ไปของใครของมัน
    ส่วนด้าน testing ก็คงจะเป็นประเด็นเหมือนกับการทำ system testing ทั่วๆ ไป คือ มองเป็น functional testing ที่เป็น blackbox testing มากกว่าที่จะดูที่ระดับ implementation

    ตรงนี้ คงจะเอาไปเทียบกับการ code ด้วย programming language ไม่ได้ครับ (ตรงนี้เห็นด้วยว่า ความสะดวก ความ flexible และความ robust อาจจะสู้การเขียน code ด้วยภาษา programming ไม่ได้)
    เพราะ เป้าหมายจริงๆ ที่ BPM จะพาไป ไม่ใช่แค่การสร้าง engine ขึ้นมาเพื่อ execute คำสั่งของภาษาสำหรับ business process เท่านั้น
    แต่ต้องทำให้ คนที่มองจาก business view มองมาแล้วเข้าใจถึง business process ที่เราสร้างขึ้นมาด้วย
    ดังนั้น สิ่งที่เค้ามองเห็นต้องไม่ใช่ BPEL ไม่ใช่ XML ไม่ใช่ภาษา programming แต่เป็น notation (เช่น BPMN??) ซึ่งนำไป realize เป็นคำสั่งที่ทำงานได้บน execution engine
    ที่ต้องเป็นเช่นนี้ ก็เพราะว่า คนที่จะมองภาพ business process มักจะเป็นคนที่ไม่ได้ทำงานทางสายเทคนิค ดังนั้นการ model (และ implement?) business process ด้วยภาษาที่คนกลุ่มนี้เข้าใจ น่าจะเป็นผลดีในการทำงานมากกว่าครับ

    ฟังดูเหมือนขายฝัน .. แต่ก็มี product ที่พยายามทำตามหลักการนี้ เท่าที่ผมรู้คือ Fuego BPM ซึ่งตอนนี้กลายเป็น BEA AquaLogic BPM (ไม่ได้ค่าโฆษณานะเนี่ย)
    ผมคิดว่า vendor อื่นๆ ก็พยายามจะทำให้ BPM suite เป็นไปตามหลักการแบบนี้เหมือนกัน
    แนวทางนี้จะรุ่งหรือเปล่า ก็คงต้องคอยติดตามกันต่อไปล่ะครับ

    ความเห็น โดย siroz — ตุลาคม 16, 2007 @ 9:53 pm

  15. บ เทเลคอมอันดับสองรู้สึกว่าจะใช้ webMethod นะครับ
    แน่นอนว่า สำนักข่าวต่างประเทศส่วน Software ในไทยนั้น Product หลายๆ ตัวมี Tibco เทคโนโลยีวิ่งอยู่เบื้องหลังเยอะมาก (แม้ว่าจะ Version เก่่าสมัย Tibco เป็นของสำนักข่าวนี้ก็ตาม)

    ความเห็น โดย plynoio — ตุลาคม 16, 2007 @ 10:34 pm

  16. เท่าที่อ่าน ๆ มา สงสัยต่อไปโปรแกรมเมอร์จะตกงาน ไม่ก็เรียกเงินเดือนแพง ๆ ได้ยากแล้ว 555 😀

    แนวโน้มการจ้างงานในบริษัทที่ปรึกษาไอทีก็เป็นไปทางนั้นซะด้วย
    เดี๋ยวนี้เพื่อนผมที่จบบริหารจบไฟแนนซ์ ไปอยู่บริษัทที่ปรึกษาไอทีกันหมดเลย
    ส่วนที่จบวิศวะจบไอที ไปอยู่แบงก์ – -“

    ความเห็น โดย bact' — ตุลาคม 16, 2007 @ 11:48 pm

  17. @siroz : ผมห่วงเรื่อง test กับ debug ในแง่ process นั่นแหละครับ เพราะใช่ว่าคนที่อยู่ใน business area นั้นมาเขียนจะเขียน flow ไม่ผิดเลย กรณีที่มันซับซ้อนมาก กรณี exception เยอะๆ คนที่ไม่เคยโค้ดมาจะมี mind set ในการคิดแค่ไหน?

    เรื่อง test เนี้ยะที่ถามเพราะว่าถ้า เขียน code มา test process ที่สร้างเนี้ยะ มันได้อยู่แล้ว แต่มันดูไม่สอดคล้อง ถ้าจะให้มัน make sense มันควรจะใช้เมาส์ลากวางตอนสร้างได้ ตอนเขียน test หรือ debug ก็ต้องมี UI ที่มี level ระดับเดียวกันในการช่วยเหลือ

    ผมลองนึกดูว่าถ้าผู้บริหารนึกสนุก ลากๆ วางๆ process เล่น แล้วโยนส่วนการ test ให้โปรแกรมเมอร์เขียน ถ้า test ไม่ผ่านขึ้นมาจะเด้งกลับไปให้ผู้บริหารนั่งจิ้มใหม่เรื่อยๆ มันคงดูตลกยังไงไม่รู้ ทั้งหมดนี่ผมจินตนาการเอาเองนะ -*-

    ที่ถามเพราะอยากรู้ว่ามัน practical แค่ไหนกัน

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 17, 2007 @ 2:33 am

  18. เรื่อง testing ถ้ามองในแง่ของ tool ตอนนี้ ผมยังไม่เห็น tool ที่สร้างขึ้นมาเพื่อการทดสอบงานลักษณะแบบนี้โดยเฉพาะครับ (ในอนาคต อาจจะมีก็ได้ครับ)

    แต่ถ้ามองโดยหลักการแล้ว ผมยังคิดว่า การทดสอบ BPM ในส่วนของ process น่าจะไม่มีประเด็นอะไรที่แตกต่างไปจากการทำ system level testing มากนัก
    แต่ละระบบที่จะมา integrate กับ business process ก็จะต้องทดสอบแยกต่างหาก เพื่อตรวจหาข้อผิดพลาดในระดับระบบ หรือ component ก่อน ซึ่งตรงนี้ก็มีเทคนิค และ tool รองรับอยู่แล้ว
    หลังจากนั้น ค่อยมาทดสอบในระดับ process โดยอาจจะทดสอบ connectivity ในเชิงเทคนิคก่อนว่า integrate กันได้เรียบร้อยดีมั้ย
    ถ้าเรียบร้อยดี ก็น่าจะทดสอบ functionality ของการทำงานทั้งหมดได้

    ในอีกแง่หนึ่ง การ implement business process ด้วยภาษาบน BPM ควรจะทำให้เกิดข้อผิดพลาดต่างไปจากการเขียนโปรแกรมปกติ (จริงๆ อยากใช้คำว่า “น้อยกว่า” แต่ก็คงไม่ถูกนัก) เพราะภาษามัน high level มาก ไม่ควรทำให้เกิดข้อผิดพลาดในระดับ implementation เหมือนในภาษาโปรแกรม (เช่น ข้อผิดพลาดในลักษณะ ลืม increment loop counter หรือ “NullPointerException” ควรจะไม่เกิดแล้ว)
    ข้อผิดพลาดใน business process จึงควรจะเป็นข้อผิดพลาดที่เป็นระดับที่ business user เข้าใจ และตรวจหาได้ไม่ยาก (เช่น ลำดับการทำงานผิด ใช้ parameter สลับกัน)
    ซึ่งการตรวจหาข้อผิดพลาดตรงนี้ อาจจะใช้เทคนิคของ software review (อย่างเช่น walkthrough) มาช่วยได้ครับ
    อันนี้ เป็นความเห็นส่วนตัวนะครับ .. ในอนาคตผมคิดว่าทิศทางแนวคิดโดยรวมน่าจะชัดเจนกว่านี้

    เรื่อง mind set นี่ ผมไม่ค่อยกังวลครับ .. เท่าที่ผมได้เจอมา คนที่เป็น business user ส่วนใหญ่ จะมีไอเดียบรรเจิดอยู่แล้ว (สังเกตได้จาก หลายๆ ครั้งโปรแกรมเมอร์ต้องนั่งกุมขมับ กับ requirement ที่ได้มา)
    ถ้ายิ่งให้คนที่คิด requirement ของ business process เป็นคนลงมือทำ model เอง ก็น่าจะยิ่งดี เพราะตัวเค้าเองเข้าใจมันดีที่สุด น่าจะดีกว่าให้คนทางสายเทคนิคมาพยายามทำความเ้้ข้าใจ business process จากเอกสาร หรือคำบอกเล่า
    ทีนี้ ก็ต้องมาว่ากันในทางปฏิบัติล่ะ .. ว่า tool หรือ notation ที่ใช้เนี่ย เข้าใจง่ายสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่สายเทคนิคแค่ไหน

    ความเห็น โดย siroz — ตุลาคม 17, 2007 @ 6:40 am

  19. >> ควรจะเป็นข้อผิดพลาดที่เป็นระดับที่ business user เข้าใจ และตรวจหาได้ไม่ยาก (เช่น ลำดับการทำงานผิด ใช้ parameter สลับกัน)
    ซึ่งการตรวจหาข้อผิดพลาดตรงนี้ อาจจะใช้เทคนิคของ software review (อย่างเช่น walkthrough) มาช่วยได้ครับ

    นี่แหละครับประเด็นที่ผมเป็นห่วง บางที่ ลำดับ flow ง่ายๆ ก็เผลอกันได้ แล้วจะ test กันยังไงว่าไม่เผลอ

    บางทีการ walk through อาจจะทำได้ง่ายกับ case ปกติ แต่ถ้าเป็น case exception ที่ไม่ได้เกิดขึ้นได้ง่ายๆ บ่อยๆ แต่ก็สำคัญจะ mock/simulate ยังไง?

    ผมเข้าใจว่าการใช้ BPM ส่วนใหญ่มักต้องยุ่งกับการ integrate สิ่งที่มีภายใน transaction และเป็น transaction แบบชีวิตยืนยาวด้วย เลยคิดว่ามันควรถูกใส่ใจเป็นพิเศษกว่าการ test ปกติ

    ส่วนเรื่อง mind set ผมเห็นด้วยครับว่า ba มาเขียนเองได้เลย ผมเลยว่า concept ดี แต่ดูเหมือนมันไม่ค่อย practical เท่าที่ควรถ้า ba จะ solo หมด

    ความเห็น โดย deans4j — ตุลาคม 17, 2007 @ 5:05 pm

  20. เรื่อง stub (หรือ mock) นี่ ผมมองว่า ถ้า design มาเป็นแบบ loose coupling จริงๆ มันควรจะทำได้ไ่ม่ยากครับ เพราะ interface ของ integration มันควรจะชัดเจน
    แต่ในทางปฏิับัิติ ก็คงต้องว่ากันอีกที .. แล้วแต่ product แล้วแต่ implementation อีก

    เรื่อง transaction นี่ ผมคิดว่า ในระดับ physical คงไม่ได้จัดการโดย BPM ครับ โดยเฉพาะพวก long running process (เพราะไม่สามารถ hold resource ไว้นานๆ ได้) คงจะให้แต่ละระบบแยกกันจัดการเอาเอง และใช้ compensating transaction มาช่วยเอา ในกรณีที่ต้องมีการ rollback

    เขียนอย่างนี้ ไม่ใช่ว่า ผมมองว่า testing พวกนี้เป็นเรื่องง่ายนะครับ แต่ด้วยเทคนิค ด้วย tool ที่มีอยู่ตอนนี้ ผมมองว่า พอจะ “เอาอยู่”
    ถ้ามองง่ายๆ ถ้าเราทดสอบอะไรยากๆ อย่าง compiler ไหว … business process ก็ไม่น่าจะยากเกินไปนะ 😛

    อย่างไรก็ตาม เห็นด้วยครับ ว่า concern ของดีน เป็นประเด็นที่คนจะนำ BPM ไปใช้ต้องพิจารณาให้ถี่ถ้วน โดยเฉพาะการปรับใช้กับโครงสร้างบุคลากรขององค์กร

    ความเห็น โดย siroz — ตุลาคม 17, 2007 @ 9:12 pm

  21. บริษัทผมครับ แต่ไม่ได้ทำในประเทศ ครับ

    ความเห็น โดย roofimon — ตุลาคม 18, 2007 @ 9:16 am

  22. บริษัทพี่ roofimon เท่ห์มาก

    ความเห็น โดย idome — ตุลาคม 19, 2007 @ 11:46 am


RSS feed for comments on this post. TrackBack URI

ส่งความเห็นที่ deans4j ยกเลิกการตอบ

บลอกที่ WordPress.com .